แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดอกไม้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ดอกไม้ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

10 ต้นไม้ดอกจัดสวน “กลิ่นหอมฟุ้งตลอดทั้งวัน”



10 ต้นไม้ดอกจัดสวน “กลิ่นหอมฟุ้งตลอดทั้งวัน”


คิดจะจัดสวนในบ้านทั้งที นอกจากความสวยงาม สร้างความร่มรื่นให้กับตัวบ้านแล้ว การปลูกต้นไม้ดอกที่สร้างกลิ่นหอม ก็จะช่วยปรับบรรยากาศในสวนของเรา ให้สดชื่นรู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย ซึ่งในวันนี้บ้านสวน Idea ได้นำเอาต้นไม้ดอกจัดสวนกลางแจ้ง ที่ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัว พร้อมวิธีการปลูกและดูแลมาฝากครับ

  1. มะลิ

มะลิเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-2 เมตร ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โดยการนำกิ่งพันธุ์ที่กึ่งอ่อนกึ่งแก่ ความยาว 4 นิ้ว ลิดใบออก ปักลงในดินร่วนผสมทราย แกลบ และปุ๋ยคอก เมื่อดูแลรดน้ำจนรากออก ให้ย้ายไปปลูกในถุงเพาะต้นกล้าจนแข็งแรง แล้วค่อยย้ายมาปลูกในกระถางใหญ่ ดูแลด้วยการรดน้ำวันละ 2 ครั้ง ระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป ใส่ปุ๋ยคอก ตั้งกระถางให้โดนแดดจัด ตัดแต่งกิ่งให้ต้นแตกตาบ้าง

  1. แก้ว

นอกจากปลูกในสวนแล้ว ยังสามารถปลูกต้นแก้วเพื่อทำแนวรั้วได้ด้วย นอกจากนี้ตอนกลางคืนจะหอมไกลไปทั่วทั้งสวนเลยทีเดียว หากจะปลูกให้หาพันธุ์ต้นกล้ามาปลูกจะง่ายกว่า โดยนำมาปลูกในหลุมดินร่วนผสมปุ๋ยหมักขนาด 30×30 เซนติเมตร ดูแลรดน้ำวันละ 3 ครั้ง ตั้งให้โดนแดด หมั่นใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 5 ครั้ง แต่ถ้าปลูกในกระถางก็ควรเปลี่ยนกระถางบ้าง เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้เต็มที่

  1. กุหลาบ

กุหลาบเป็นไม้ดอกที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสรรพคุณอีกมากมาย มีหลากหลายสายพันธุ์และสีสันที่แตกต่างกันออกไป วิธีปลูกจะต้องพิถีพิถันและดูแลอย่างใจเย็นถึงจะได้ผลดี เริ่มจากนำต้นพันธุ์ที่ต้องการมาลิดใบ โดยนับจากใบแรกลงไป 5 ใบ แล้วนำไปเพาะในถุงเพาะที่มีดินผสมปุ๋ยบำรุง  รดน้ำตอนเช้า ตากแดดวันแรกประมาณ 1 ชั่วโมง และเพิ่มอีกวันละ 1 ชั่วโมงในวันต่อไปจนกว่าจะครบ 7 วัน เมื่อกุหลาบจะแตกตาใหม่ ให้นำไปปลูกลงในกระถางที่มีดินรองอยู่ 3 นิ้ว เติมดินและกลบโคนต้นด้วยขุยมะพร้าวที่แช่น้ำไว้ 1 คืน ดินต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ไหลผ่านช้าและไม่เร็วจนเกินไป วางให้โดนแดดวันละ 6 ชั่วโมง รดน้ำที่โคนต้นวันละ 2 ครั้ง อย่าให้ดินชื้นแฉะจนเกิดโรครา

  1. สายหยุด

ไม้เลื้อยที่ออกใบกว้างช่วยบังแดด และออกดอกสีเหลืองนวล ส่งกลิ่นหอมสดชื่นไปทั่วทั้งสวน การปลูกสายหยุดนิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยการนำเมล็ดสายหยุดมาปลูกลงในดินร่วนผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อบำรุงให้ดินอุดมสมบูรณ์ รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง แต่ต้องระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป และเป็นไม้ดอกที่ชอบแดดมาก

  1. ปีบ

อีกหนึ่งในต้นไม้มงคลที่คนไทยนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะให้โชคเรื่องทรัพย์ และเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกดอกสีขาวอมชมพู ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทั่วทั้งสวน วิธีการปลูกเริ่มจากนำเมล็ดมาปลูกลงในหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ใส่ดินร่วนผสมปุ๋ยหมักในอัตราส่วนที่เท่ากัน ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าให้แฉะจนเกินไป ชอบแดดจัด ใส่บำรุงปุ๋ยปีละ 4-5 ครั้ง ที่สำคัญต้องวัดระยะห่างจากตัวบ้านให้ได้ร่มเงาที่พอดีด้วยนะคะ

  1. โมก

แม้ต้นโมกจะดูคล้ายคลึงกับต้นแก้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ต้นโมกจะส่งกลิ่นหอมสดชื่นทั้งวัน ต่างจากต้นแก้วที่ส่งกลิ่นหอมในตอนกลางคืน นิยมนำมาทำแนวกั้นรั้วบ้าน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านได้อีกด้วย การปลูกต้นโมกจะต้องนำต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์มาปลูกลงกระถางหรือหลุมปลูกที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอกกับขุยมะพร้าว ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าปล่อยให้มีน้ำขัง บำรุงปุ๋ยปีละ 4 ครั้งและตั้งให้โดนแดดจัด

  1. พุดซ้อน

นอกจากจะส่งกลิ่นหอมแล้ว ยังเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าช่วยให้ผู้ปลูกประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย ต้นพุดซ้อนเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกใบหนาเป็นทรงพุ่ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ให้นำมาปลูกลงในหลุมดินร่วนที่ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ขนาดหลุมประมาณ 50x50x50 เซนติเมตร รดน้ำปานกลาง ต้องดูแลเรื่องน้ำขังเป็นพิเศษ ชอบแดดจัด และบำรุงปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง

  1. กรรณิการ์

จัดว่าเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 2-4 เมตร คนไทยนิยมปลูกเช่นเดียวกัน ดอกจะบานในตอนกลางคืน มีกลิ่นหอมแรง ออกดอกสีขาวตลอดทั้งปี แถมยังนำมาใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ขยายโดยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง ลงในดินร่วนซุยที่ผสมปุ๋ยคอก ให้มีสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ วางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร เพื่อรักษาความชื้นของดินเอาไว้ รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ เน้นรดที่โคนต้น มิเช่นนั้นดอกจะเน่าง่าย และหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อทำให้แตกยอดใหม่เรื่อย ๆ

  1. ชมนาด

อีกหนึ่งไม้เลื้อยที่สามารถนำมาทำซุ้มบังแดด เพราะส่งกลิ่นหอมสดชื่นยาวนานและยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย วิธีการปลูกให้นำต้นกล้ามาปลูกในหลุมดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ดูแลรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะวันละ 2 ครั้ง และหลังจากที่ต้นโตเต็มที่แล้วให้เปลี่ยนมารดแค่วันละ 1 ครั้ง ตั้งให้โดนแสงแดดที่เพียงพอ เพื่อให้ออกดอกได้จำนวนมาก และบำรุงด้วยปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง

  1. หอมเจ็ดชั้น

ไม้พุ่มขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อสีขาวและสีเหลือง จุดเด่นคือส่งกลิ่นหอมหวานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง เพราะรอเพียงแค่ 2 เดือน รากก็จะงอกออกมา แต่ก็สามารถปลูกด้วยเมล็ดได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต้นแข็งแรงกว่า โดยนำเมล็ดมาปลูกลงดินร่วนปนทราย ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ เน้นน้ำมากแต่ต้องไม่แฉะจนเกิดน้ำขัง ชอบแดดจัด แรก ๆ ดอกจะมีสีขาวแล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ที่มา:http://bansuanidea.com/2018/02/07/10flower_aroma/

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กุหลาบเลื้อย/Rose


กุหลาบเลื้อย/Rose
ชื่อวิทยาศาสตร์: Rosa hybrid
วงศ์: Rosaceae
ประเภท: ไม้พุ่มกึ่งเลื้อยหรือไม้เลื้อยขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ อายุหลายปี
ลำต้น: ยอดเลื้อยพาดได้ไกล 2 – 5 เมตร ลำต้นและกิ่งก้านมักมีหนาม
ใบ: ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ออกสลับ ใบย่อย 5 – 9 ใบ รูปรี กว้าง 3 – 4 เซนติเมตร ยาว 3 – 6 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบจักซี่ฟัน แผ่นใบสีเขียวเข้ม
ดอก: ดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายยอด ฐานรองดอกรูปถ้วย กลีบเลี้ยง 4 – 5 กลีบ กลีบดอก 4 – 5 กลีบหรือมากกว่า มีสีต่างๆ เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียจำนวนมาก มีกลิ่นหอม ไม่ติดผล ออกดอกตลอดปี ดอกดกช่วงหน้าหนาว
ดิน: ดินร่วน ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง
แสงแดด: เต็มวัน
สภาพแวดล้อม: ชอบอากาศเย็น
ขยายพันธุ์: ติดตา ตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง
การใช้งานและอื่นๆ: ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งไม่ให้เลื้อยรก พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ พันธุ์ Angela, Clair Matin, Cocktail, Lavender Dream, Prosperity เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อังกาบแดง



ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleria repen Nees
วงศ์ : Acanthaceae
ประเภท : ไม้พุ่ม
ความสูง :  15-60 เซนติเมตร ต้นที่ปลูกเป็นไม้ประดับอาจสูงได้ถึง 1.50 เมตร
ลำต้น: เป็นพุ่ม กิ่งอ่อนมีขนแข็งเอนสีเหลือง
ใบ : รูปรี ยาว 2.5-5 เซนติเมตร ใบอ่อนมีขนสั้น ใบแก่เกลี้ยง ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบสอบ
ดอก : ออกเป็นกระจุกคล้ายช่อกระจะ มี 1-2 ดอก ใบประดับรูปไข่ กลีบเลี้ยง 4 กลีบเรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ปลายแหลม ยาว 2 เซนติเมตร ขอบเรียบ มีขนปกคลุมทั่วไป กลีบดอกสีปูนแห้งอมแดงคล้ายรูปปากเปิด ยาว 4-5 เซนติเมตร หลอดกลีบดอกเรียวแคบ กลีบบน 4 กลีบ รูปไข่ ยาว 1 1.5 เซนติเมตร เรียงซ้อนเหลื่อม กลีบล่างแผ่กว้างกว่ากลีบบนเล็กน้อย
ผล : แก่แห้งแตก ยาว 1.5-2 เซนติเมตร เมล็ดแบน 2-4 เมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-7 มิลลิเมตร
ดิน : ดินร่วน
แสงแดด : เต็มวันถึงครึ่งวัน
น้ำ/ความชื้น : ปานกลาง
ขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง
การใช้งานและอื่นๆ: หลายประเทศในเขตร้อนนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ แต่ในธรรมชาติแพร่กระจายพันธุ์ได้เร็วจนบางครั้งกลายเป็นวัชพืช