วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

10 ต้นไม้ทนแดดให้ร่มเงา ใบร่วงพื้นน้อยมาก !!!



10 ต้นไม้ทนแดดให้ร่มเงา ใบร่วงพื้นน้อยมาก !!!


เรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ของการจัดสวนก็คือการเลือกพันธุ์ไม้ที่จะปลูก เนื่องจากต้นไม้แต่ละชนิดก็มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งความต้องการและการใส่ใจดูแลของผู้ปลูกแต่ละคนก็ยังแตกต่างกันด้วย โดยถ้าใครที่กำลังมองหาพันธุ์ต้นไม้ที่ดูแลไม่ยาก ใบไม่ค่อยร่วง ให้ร่มเงา และสามารถทนต่อแดดแรง ๆ ของเมืองไทยได้ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ดี ๆ เหล่านี้มาฝากกันครับ
  1. ต้นมะฮอกกานี


ต้นมะฮอกกานี หรือ มะฮอกกานีใบใหญ่ (Brazilian Mahogany) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Swietenia macrophylla King. เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงประมาณ 15-25 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลหรือสีเทาอมดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ สีเขียว มีลักษณะเป็นมัน ปลายใบเรียว โคนใบเบี้ยว ขอบใบเป็นคลื่น ส่วนดอกออกเป็นช่อมีสีเหลืองอมเขียวและกลิ่นหอม ซึ่งทั่วไปแล้วจะออกในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน
สำหรับการปลูก ต้นมะฮอกกานีสามารถปลูกได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบแนวยาว โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกสภาพ ส่วนการดูแลก็ไม่ยาก เพราะต้นไม้ชนิดนี้โตเร็ว ต้องการน้ำแค่ปานกลาง ใบไม่ค่อยร่วง ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลงรบกวน รวมถึงยังชอบแสงแดด จึงทนแดดจัด ๆ ได้ตลอดทั้งวันเลยด้วย

  1. ต้นประดู่

ต้นประดู่ (Burma Padauk) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pterocarpus indicus Willd เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูงได้มากถึง 25 เมตร ลำต้นเป็นสีเทาหรือสีดำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก สีเขียว เรียงสลับ โคนใบมน ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง มีขนาดเล็ก เป็นสีเหลืองอ่อน โดยต้นประดู่เป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด ฉะนั้นจึงทนความร้อนของแดดเมืองไทยได้แบบสบาย ๆ อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพธรรมชาติได้ดี ใบไม่ค่อยร่วง และดูแลไม่ยาก แค่ใช้ดินร่วนซุยในการปลูก รดน้ำทุก ๆ 5-7 วัน พร้อมใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมี ปีละ 3-5 ครั้งก็พอ

  1. ต้นประยงค์

ต้นประยงค์ หรือ Chinese Rice flower มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aglaia odorata Lour. เป็นไม้ดอกไม้ประดับที่มีแหล่งกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีลักษณะเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็ก กิ่งดก ใบดก ออกดอกสีเหลืองเป็นช่อสั้น ๆ รูปร่างกลมเล็ก ไม่บาน ลักษณะคล้ายไข่ปลา มีกลิ่นหอมแรงและหอมไกล ส่วนผลเป็นรูปไข่ ผิวเรียบและเป็นมัน โดยสำหรับการปลูกต้นประยงค์ สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำ โดยควรใช้เป็นดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดีในการปลูก รดน้ำพอประมาณ และปลูกในพื้นที่ที่โดนแดดจัด ๆ อ้อ ถ้าหากอยากให้ต้นเป็นพุ่มสวย ควรทำการตัดแต่งกิ่งเป็นประจำทุกปีด้วย

  1. ต้นสนฉัตร

ต้นสนฉัตร (Nolfolk island pine) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Araucaria heterophylla. เป็นไม้มงคลที่คนนิยมปลูก เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีเกียรติและความสง่างาม โดยต้นสนฉัตรเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นเป็นสีน้ำตาล มีตุ่มเล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ  ส่วยบริเวณยอดจะแตกกิ่งก้านออกเป็นชั้น ๆ มีใบประกอบเรียงตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น
สนฉัตรเป็นต้นไม้ที่ขึ้นชื่อเสียงเรื่องความแข็งแรงและทนทาน ชอบดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ชอบแสงแดด ชอบน้ำพอประมาณ โดยควรรดน้ำทุก ๆ  3-5 วัน และใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงปีละ 3-5 ครั้งด้วย โดยจริง ๆ แล้ว ใบของสนฉัตรนั้นจะไม่ค่อยร่วง ทว่าถ้าหากให้น้ำมากเกินไปก็อาจจะซีดและร่วงเยอะขึ้นได้ ฉะนั้นจึงควรควบคุมปริมาณน้ำและความชื้นให้เหมาะสมด้วย

  1. ต้นหูหนู

ต้นหูหนูหรือต้นสั่งทำ (Black Ebony) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros buxifolia (Blume) Hiern เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีถิ่นกำเนิดมาจากอินเดียและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำต้นเป็นสีเทาดำ สูงประมาณ 25 เมตร ใบเป็นรูปไข่ สีเขียว โคนมน ปลายแหลม ขอบเรียบ เรียงสลับอยู่ตามกิ่งก้าน ส่วนดอกออกเป็นช่อขนาดเล็ก และสำหรับการดูแลก็ง่าย ๆ คล้ายกับต้นหูกระจง คือรดน้ำปานกลางและปลูกให้โดนแสงแดดอยู่ตลอด โดยต้นหูหนูนั้นแข็งแรง ทนทาน และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินเกือบทุกชนิด

  1. ต้นแก้วมุกดา

ต้นแก้วมุกดา หรือ โกงกางเขา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fagraea racemosa Javanica หรือ Fagraea blumeana เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ทรงพุ่มเตี้ย ล้ำต้นสีเทา ใบเป็นรูปวงรี โคนใบแหลม ปลายใบมน แผ่นใบเรียบ หนา เหนียว เป็นมัน และมีสีเขียวเข้ม ซึ่งต้นแก้วมุกดาถือเป็นพืชที่ไม่ค่อยผลัดใบ จึงไม่ค่อยมีใบร่วงมากวนใจเรามาก ส่วนดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกแก้ว ออกเป็นช่อสั้น ๆ บริเวณปลายยอด ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตลอดทั้งวัน
สำหรับการขยายพันธุ์ต้นแก้วมุกดาสามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง โดยต้นไม้ชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่อุดมสมบูรณ์ ต้องการน้ำมาก ควรรดน้ำทุกเช้า-เย็นในช่วงปลูกแรก ๆ แต่พอต้นเริ่มโตก็รดแค่วันเว้นวันก็พอ ส่วนแสงแดดสามารถปลูกกลางแจ้งให้โดนแสงแดดจัด ๆ ได้เลย

  1. ต้นพิกุล

ต้นพิกุล ภาษาอังกฤษคือ Spanish cherry, Medlar หรือ Bullet wood มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mimusops elengi Linn. เป็นต้นไม้มงคลของจังหวัดลพบุรี มีลักษณะเป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลเทา ยอดค่อนข้างหนา ใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น ดอกออกรวมกันเป็นกระจุก สีขาว ส่งกลิ่นหอม และออกตลอดปี โดยเราสามารถปลูกพิกุลได้ในดินทุกชนิด พร้อมดูแลให้น้ำและความชื้นแค่ปานกลาง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะพิกุลเป็นพืชที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพธรรมชาติ ทนแสงแดดจัด ๆ ได้เต็มวัน ไม่ค่อยมีใบร่วง และไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน

  1. ต้นลำดวน

ต้นลำดวน หรือ Lamdman มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Melodorum fruticosum Lour.เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร ลำต้นเป็นสีเทา ผิวเรียบ ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอก ยาว รี ปลายแหลม โคนมน ขอบใบค่อนข้างเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ออกเรียงสลับกันอยู่บริเวณข้อ ลำต้น และกิ่ง ส่วนดอกมีขนาดเล็ก สีเหลือง ออกตามยอดและง่ามใบ โดยคนไทยโบราณเชื่อกันว่าถ้าบ้านใดปลูกต้นลำดวนไว้จะทำให้เกิดความสดชื่น
และถ้าหากจะปลูกลำดวนประดับบ้าน ควรเว้นระยะห่างให้เหมาะสม เพราะต้นลำดวนมีลักษณะค่อนข้างใหญ่ ต้องการแสงแดดและชอบดินร่วน โดยควรรดน้ำทุก ๆ 5-7 วัน แล้วใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น ปีละประมาณ 3-5 ครั้งด้วย ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ค่อยมีปัญหามาก เพราะลำดวนเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างทนทานต่อสภาพธรรมชาติ

  1. ต้นหมาก

ต้นหมาก (Areca nut palm) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Areca catechu Linn. เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ปาล์ม มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเขตร้อนในเอเชีย มีลักษณะลำต้นตั้งตรงทรงกระบอก สูงประมาณ 10-15 เมตร มีก้านใบค่อนข้างยาว โดยใบจะออกเรียงกันที่ปลายยอด เป็นรูปหอก โคนใบเรียว ปลายใบแหลม ลักษณะใบหนาและเรียบ มีดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่ สีขาวอมเหลือง เรียกว่า “จั่น” ส่วนผลเป็นทรงกลม รูปไข่หรือรูปกระสวย ขนาดค่อนข่างเล็ก มีเปลือกสีเขียว
โดยต้นหมากจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายหรือดินเหนียวที่อุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำและระบายอากาศได้ดี ส่วนการดูแลก็ต้องการน้ำและแดดอยู่พอสมควร แต่ก็สบายใจได้เลยว่าทนทานต่อแสงแดดและมีใบร่วงน้อยแน่ ๆ

  1. ต้นปาล์มพัด

ต้นปาล์มพัดหรือปาล์มมงกุฎ (Fiji Fan Palm) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pritchardia pacifica Seem & H.Wendl. มีแหล่งกำเนิดจากเกาะฟิจิ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 10 เมตร ลำต้นตั้งตรง ใบเป็นมัน รูปพัด ขอบใบเว้าและพับจีบ โดยใบมีสีเขียวอ่อน ส่วนดอกออกเป็นช่อ สีเหลืองอมน้ำตาล ซึ่งต้นปาล์มพัดถือเป็นพืชที่เหมาะจะปลูกกลางแจ้ง จึงทนต่อแดดร้อน ๆ ได้ดีมาก แถมไม่ต้องกังวลเรื่องใบหลุดร่วง ทว่าต้องต้นปาล์มชนิดนี้การน้ำมากหน่อย แต่ก็อย่าให้แฉะ โดยถ้าหากจะปลูกต้นปาล์มพัดไว้ที่บ้าน ควรปลูกในพื้นที่ที่มีขนาดกว้าง และใช้ดินร่วนผสมพิเศษที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ในการปลูก
 ที่มา:http://bansuanidea.com/2018/02/01/10tree_noproblem/

10 ต้นไม้ดอกจัดสวน “กลิ่นหอมฟุ้งตลอดทั้งวัน”



10 ต้นไม้ดอกจัดสวน “กลิ่นหอมฟุ้งตลอดทั้งวัน”


คิดจะจัดสวนในบ้านทั้งที นอกจากความสวยงาม สร้างความร่มรื่นให้กับตัวบ้านแล้ว การปลูกต้นไม้ดอกที่สร้างกลิ่นหอม ก็จะช่วยปรับบรรยากาศในสวนของเรา ให้สดชื่นรู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย ซึ่งในวันนี้บ้านสวน Idea ได้นำเอาต้นไม้ดอกจัดสวนกลางแจ้ง ที่ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัว พร้อมวิธีการปลูกและดูแลมาฝากครับ

  1. มะลิ

มะลิเป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 1-2 เมตร ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ โดยการนำกิ่งพันธุ์ที่กึ่งอ่อนกึ่งแก่ ความยาว 4 นิ้ว ลิดใบออก ปักลงในดินร่วนผสมทราย แกลบ และปุ๋ยคอก เมื่อดูแลรดน้ำจนรากออก ให้ย้ายไปปลูกในถุงเพาะต้นกล้าจนแข็งแรง แล้วค่อยย้ายมาปลูกในกระถางใหญ่ ดูแลด้วยการรดน้ำวันละ 2 ครั้ง ระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป ใส่ปุ๋ยคอก ตั้งกระถางให้โดนแดดจัด ตัดแต่งกิ่งให้ต้นแตกตาบ้าง

  1. แก้ว

นอกจากปลูกในสวนแล้ว ยังสามารถปลูกต้นแก้วเพื่อทำแนวรั้วได้ด้วย นอกจากนี้ตอนกลางคืนจะหอมไกลไปทั่วทั้งสวนเลยทีเดียว หากจะปลูกให้หาพันธุ์ต้นกล้ามาปลูกจะง่ายกว่า โดยนำมาปลูกในหลุมดินร่วนผสมปุ๋ยหมักขนาด 30×30 เซนติเมตร ดูแลรดน้ำวันละ 3 ครั้ง ตั้งให้โดนแดด หมั่นใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 5 ครั้ง แต่ถ้าปลูกในกระถางก็ควรเปลี่ยนกระถางบ้าง เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้เต็มที่

  1. กุหลาบ

กุหลาบเป็นไม้ดอกที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และสรรพคุณอีกมากมาย มีหลากหลายสายพันธุ์และสีสันที่แตกต่างกันออกไป วิธีปลูกจะต้องพิถีพิถันและดูแลอย่างใจเย็นถึงจะได้ผลดี เริ่มจากนำต้นพันธุ์ที่ต้องการมาลิดใบ โดยนับจากใบแรกลงไป 5 ใบ แล้วนำไปเพาะในถุงเพาะที่มีดินผสมปุ๋ยบำรุง  รดน้ำตอนเช้า ตากแดดวันแรกประมาณ 1 ชั่วโมง และเพิ่มอีกวันละ 1 ชั่วโมงในวันต่อไปจนกว่าจะครบ 7 วัน เมื่อกุหลาบจะแตกตาใหม่ ให้นำไปปลูกลงในกระถางที่มีดินรองอยู่ 3 นิ้ว เติมดินและกลบโคนต้นด้วยขุยมะพร้าวที่แช่น้ำไว้ 1 คืน ดินต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ไหลผ่านช้าและไม่เร็วจนเกินไป วางให้โดนแดดวันละ 6 ชั่วโมง รดน้ำที่โคนต้นวันละ 2 ครั้ง อย่าให้ดินชื้นแฉะจนเกิดโรครา

  1. สายหยุด

ไม้เลื้อยที่ออกใบกว้างช่วยบังแดด และออกดอกสีเหลืองนวล ส่งกลิ่นหอมสดชื่นไปทั่วทั้งสวน การปลูกสายหยุดนิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยการนำเมล็ดสายหยุดมาปลูกลงในดินร่วนผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อบำรุงให้ดินอุดมสมบูรณ์ รดน้ำให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง แต่ต้องระวังอย่าให้แฉะจนเกินไป และเป็นไม้ดอกที่ชอบแดดมาก

  1. ปีบ

อีกหนึ่งในต้นไม้มงคลที่คนไทยนิยมนำมาปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าจะให้โชคเรื่องทรัพย์ และเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกดอกสีขาวอมชมพู ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทั่วทั้งสวน วิธีการปลูกเริ่มจากนำเมล็ดมาปลูกลงในหลุมขนาด 50x50x50 เซนติเมตร ใส่ดินร่วนผสมปุ๋ยหมักในอัตราส่วนที่เท่ากัน ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าให้แฉะจนเกินไป ชอบแดดจัด ใส่บำรุงปุ๋ยปีละ 4-5 ครั้ง ที่สำคัญต้องวัดระยะห่างจากตัวบ้านให้ได้ร่มเงาที่พอดีด้วยนะคะ

  1. โมก

แม้ต้นโมกจะดูคล้ายคลึงกับต้นแก้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือ ต้นโมกจะส่งกลิ่นหอมสดชื่นทั้งวัน ต่างจากต้นแก้วที่ส่งกลิ่นหอมในตอนกลางคืน นิยมนำมาทำแนวกั้นรั้วบ้าน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านได้อีกด้วย การปลูกต้นโมกจะต้องนำต้นพันธุ์ที่สมบูรณ์มาปลูกลงกระถางหรือหลุมปลูกที่มีดินร่วนผสมปุ๋ยคอกกับขุยมะพร้าว ดูแลรดน้ำปานกลาง อย่าปล่อยให้มีน้ำขัง บำรุงปุ๋ยปีละ 4 ครั้งและตั้งให้โดนแดดจัด

  1. พุดซ้อน

นอกจากจะส่งกลิ่นหอมแล้ว ยังเป็นไม้มงคลที่เชื่อว่าช่วยให้ผู้ปลูกประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย ต้นพุดซ้อนเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ออกใบหนาเป็นทรงพุ่ม ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ให้นำมาปลูกลงในหลุมดินร่วนที่ผสมปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก ขนาดหลุมประมาณ 50x50x50 เซนติเมตร รดน้ำปานกลาง ต้องดูแลเรื่องน้ำขังเป็นพิเศษ ชอบแดดจัด และบำรุงปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง

  1. กรรณิการ์

จัดว่าเป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 2-4 เมตร คนไทยนิยมปลูกเช่นเดียวกัน ดอกจะบานในตอนกลางคืน มีกลิ่นหอมแรง ออกดอกสีขาวตลอดทั้งปี แถมยังนำมาใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ขยายโดยการเพาะเมล็ดและปักชำกิ่ง ลงในดินร่วนซุยที่ผสมปุ๋ยคอก ให้มีสารอาหารที่อุดมสมบูรณ์ วางไว้ในที่ที่มีแดดรำไร เพื่อรักษาความชื้นของดินเอาไว้ รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ เน้นรดที่โคนต้น มิเช่นนั้นดอกจะเน่าง่าย และหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อทำให้แตกยอดใหม่เรื่อย ๆ

  1. ชมนาด

อีกหนึ่งไม้เลื้อยที่สามารถนำมาทำซุ้มบังแดด เพราะส่งกลิ่นหอมสดชื่นยาวนานและยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย วิธีการปลูกให้นำต้นกล้ามาปลูกในหลุมดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ดูแลรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะวันละ 2 ครั้ง และหลังจากที่ต้นโตเต็มที่แล้วให้เปลี่ยนมารดแค่วันละ 1 ครั้ง ตั้งให้โดนแสงแดดที่เพียงพอ เพื่อให้ออกดอกได้จำนวนมาก และบำรุงด้วยปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง

  1. หอมเจ็ดชั้น

ไม้พุ่มขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อสีขาวและสีเหลือง จุดเด่นคือส่งกลิ่นหอมหวานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง เพราะรอเพียงแค่ 2 เดือน รากก็จะงอกออกมา แต่ก็สามารถปลูกด้วยเมล็ดได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ต้นแข็งแรงกว่า โดยนำเมล็ดมาปลูกลงดินร่วนปนทราย ดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ เน้นน้ำมากแต่ต้องไม่แฉะจนเกิดน้ำขัง ชอบแดดจัด แรก ๆ ดอกจะมีสีขาวแล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ที่มา:http://bansuanidea.com/2018/02/07/10flower_aroma/